กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถ่ายทอด “ผลิตภัณฑ์แฮร์โทนิคจากสารสกัดขิงและมะขามป้อม ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ” ส่งต่อให้เอกชนนำไปต่อยอดระดับอุตสาหกรรม
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถ่ายทอด “ผลิตภัณฑ์แฮร์โทนิคจากสารสกัดขิงและมะขามป้อม ช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ” ความสำเร็จของการศึกษาวิจัยในห้องแล็บ ส่งต่อให้เอกชนนำไปต่อยอดระดับอุตสาหกรรม
นายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวภายหลังลงนามในสัญญาการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์แฮร์โทนิคจากสารสกัดขิงและมะขามป้อม ระหว่าง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ บริษัท ยูมิ ดีพเทค จำกัด (UMI DEEPTECH) โดยนางสาวกิรัชฌา เหล่าวิวัฒน์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ โดยมีนายแพทย์พิเชฐ บัญญัติ นายแพทย์วัชรพงษ์ คำหล้า รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นายสันตกิจ นิลอุดมศักดิ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสมุนไพร นางนพรัตน์ รุ่งอุทัยศิริ กรรมการ บริษัท ยูมิ ดีพเทค จำกัด และเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุม 110 ชั้น 1 อาคาร 100 ปี การสาธารณสุขไทย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี ว่า ทีมนักวิจัยของสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้วิจัยศึกษาวิธีการเตรียมสารสกัดขิง (Ginger Extract) และสารสกัดมะขามป้อม (Emblica Extract) ที่มีความบริสุทธิ์สูง นำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต้นแบบจากสารสกัดขิงและมะขามป้อม ซึ่งพบว่าผลิตภัณฑ์แฮร์โทนิคจากสารสกัดขิงและมะขามป้อมที่พัฒนา มีสรรพคุณช่วยบำรุงหนังศีรษะและเส้นผมหลายประการ เช่น ช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม กระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผม ลดความมันบนหนังศีรษะ ลดอาการคัน และช่วยให้ผมดกดำ เงางาม และได้ผ่านการประเมินด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ในอาสาสมัครแล้ว โดยไม่ก่อให้เกิดการแพ้และระคายเคืองต่อหนังศีรษะ ปัจจุบันกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้สกัดสารต่างๆ จากพืชประมาณ 30 ชนิด อาทิ มะหาด ฝาง กระท่อม และรางจืด ซึ่งมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงในการพัฒนาอุตสาหกรรมสุขภาพของประเทศต่อ โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ปี 2564 มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์เจลล้างหน้าผสมสารสกัดมะหาด ปี 2567 มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรแฮร์โทนิคแคนนาบิไดออลและออกซีเรสเวอราทรอล ซึ่งเป็นสารสกัดจากกัญชาและมะหาด และในปี 2568 ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสารสกัดไมทราไจนีนจากพืชกระท่อม ผลิตภัณฑ์แฮร์โทนิคจากสารสกัดขิงและมะขามป้อม และอยู่ระหว่างการถ่ายทอดอีกหลายผลิตภัณฑ์ อาทิ ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรพลูคาว มะขามป้อม รางจืด เทคโนโลยีการสกัดสารสกัดฝาง และสเปรย์แก้ปวดจากสารสกัดกระท่อม เป็นต้น
“กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีความร่วมมือกับภาคเอกชน ไม่ใช่เพียงแค่การถ่ายทอดเทคโนโลยีจากห้องปฏิบัติการสู่ภาคอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นการยืนยันถึงความสำเร็จของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ให้เกิดขึ้นจริงในสังคมเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย เน้นย้ำหลักการทำงานของกรมวิทย์ฯ ว่าต้องพิสูจน์ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ปลอดภัย ไม่มีพิษและเกิดประโยชน์จริง เพื่อยกระดับสมุนไพรไทยสู่การยอมรับระดับสากล” นายแพทย์ยงยศ กล่าว
ด้าน นางสาวกิรัชฌา เหล่าวิวัฒน์วงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูมิ ดีพเทค จำกัด (UMI DEEPTECH) กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัท ยูมิ ดีพเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (UMI) ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจำหน่ายเครื่องสำอาง อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์สมุนไพร ได้มีความร่วมมือกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยมีทีมนักวิจัยที่มีศักยภาพสูงได้ทำการศึกษาวิจัยสมุนไพรไทยในห้องปฏิบัติการอย่างครบวงจรจนสามารถพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์แฮร์โทนิคจากสารสกัดขิงและมะขามป้อมที่มีสรรพคุณในการบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ เพื่อจะได้นำเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์ดังกล่าวที่ได้รับถ่ายทอดนี้ไปผลิตจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ เป็นการนำผลงานวิจัยมาต่อยอดในระดับอุตสาหกรรมได้อย่างเป็นรูปธรรมในนามแบรนด์ของคนไทย เพื่อการทำตลาดทั้งในประเทศและระดับสากล ส่งเสริมให้เกิดความภาคภูมิใจในผลิตภัณฑ์ของไทย ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์นี้ได้มากยิ่งขึ้น และเป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ ถือเป็นก้าวที่สำคัญของสมุนไพรไทย ซึ่งคาดว่าผลิตภัณฑ์จะสามารถออกมาจำหน่ายในท้องตลาดได้เร็วๆ นี้
------------------------------
By: วัฒนรินทร







ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น