“มท.-ศึกษาฯ- อว.” MOU เพิ่มความร่วมมือสางปัญหายาเสพติด ลดผู้เสพหน้าใหม่ปกป้องอนาคตชาติ
“มท.-ศึกษาฯ- อว.” MOU เพิ่มความร่วมมือสางปัญหายาเสพติด ลดผู้เสพหน้าใหม่ปกป้องอนาคตชาติ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวภายหลังเป็นประธานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดระหว่าง 3 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงมหาดไทย โดย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย , กระทรวงศึกษาธิการ โดย นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย นายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวงฯ ร่วมลงนาม ณ สวนมหาดไทย กระทรวงมหาดไทย ว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายสำคัญและเป็นวาระเร่งด่วนแห่งชาติที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน ซึ่งการจัดทำ MOU ครั้งนี้ ถือว่าเป็นการยกระดับความร่วมมือของทั้ง 3 กระทรวง เพื่อร่วมกันช่วยคัดกรองหาผู้เสพ ผู้ติด เพื่อเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา แสดงถึงความเข้มงวดของหน่วยงานเพื่อป้องกันเป้าหมายทุกกลุ่มไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน ไม่สามารถรอช้าได้ โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ และเป็นกลุ่มที่ยังสามารถได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงทีได้
“รัฐบาลได้ประกาศให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ และผมได้ให้นโยบายภายใต้การกำกับของผมในฐานะรองนายกรัฐมนตรีว่าจะต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างเข้มข้น ซึ่งควบคู่กับการปราบปรามทางกฎหมาย ต้องใช้ทั้งมาตรการป้องกัน สร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อการลดจำนวนผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด (Demand)โดยเฉพาะผู้เสพหน้าใหม่ (New Face) ซึ่งเป็นเด็ก เยาวชนในระบบการศึกษา ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องอาศัยความร่วมมือกับสถานศึกษา โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย ซึ่งการ MOU ในครั้งนี้จะทำให้เกิดความร่วมมือเพื่อดำเนินการอย่างจริงจังและเข้มข้นขึ้น” นายอนุทิน กล่าว
การแก้ไขปัญหายาเสพติดด้วยแนวทางดังกล่าว มีความเกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ซึ่งจะต้องบูรณาการความร่วมมือกันในการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน
- กระทรวงศึกษาธิการ มีหน้าที่อบรมสั่งสอน ให้ความรู้ และสร้าง “ค่านิยม” แก่เด็กและเยาวชน ทั้งในและนอกสถานศึกษา ให้มีคุ้มกัน รู้เท่าทันโทษภัยของยาเสพติด มีทักษะการใช้ชีวิต มีคุณธรรมจริยธรรมและคุณลักษณะที่พึงประสงค์สำหรับการดำรงชีวิตในสังคม
- กระทรวงการอุดมศึกษาฯ นอกจากจะมีหน้าที่หลักในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แล้ว ยังต้องมีบทบาทนำในการบริหารจัดการให้เกิดการคิดค้นนวัตกรรมในการแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปประยุกต์ ในการเฝ้าระวัง และป้องกันยาเสพติดในระดับพื้นที่ รวมถึงพื้นที่สื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นบริบทแวดล้อมของสภาพปัญหา ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาด้วย
- กระทรวงมหาดไทย ก็มีหน้าที่โดยตรงในการป้องกันปราบปราม และบังคับใช้กฎหมาย โดยประสานงานใกล้ชิดกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินการกับผู้กระทำความผิด นอกจากนี้ ยังต้องจริงจังกับภารกิจด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน เพราะนั่นคือพื้นฐานของการป้องกันปัญหาสังคมในทุกมิติ รวมถึงการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนปลอดจากยาเสพติด อันจะเป็นการเสริมพลังการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ด้วย
ทั้งนี้ จุดประสงค์หลักภายใต้ MOU คือ สร้างการมีส่วนร่วม ตระหนักถึงโทษของยาเสพติด และยินยอมเข้าร่วมกิจกรรมการป้องกันยาเสพติดของบุคลากร 3 กระทรวง รวมถึงเด็กและเยาชนในสถานศึกษาด้วยความสมัครใจโดยปราศจากการบังคับ ดำเนินการโดยเน้นย้ำในเรื่องของการไม่ให้กระทบสิทธิ์ส่วนบุคคล โดยเฉพาะสิทธิ์เด็กและเยาวชน และมีระบบการจัดเก็บข้อมูล การรายงานผล การบำบัดรักษาอย่างเป็นความลับ นอกจากนี้ จะผลักดันให้โรงเรียน สถานศึกษา ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และ อว. จัดให้มีระบบการเฝ้าระวัง สอดส่อง สังเกตตรวจตราการแพร่ระบาดของยาเสพติดทุกรูปแบบ รวมถึงหากพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ต้องจัดให้มีระบบการคัดกรอง และประเมินความรุนแรงของการติดยาเสพติด ภาวะความเสี่ยงทางสุขภาพกาย หรือสุขภาพจิต และบำบัด ฟื้นฟูตามความเหมาะสม รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมกับเครือข่ายต่าง ๆ ในสังคม เพื่อให้บริเวณรอบ สถานศึกษา เป็นพื้นที่ปลอดยาเสพติด และอบายมุขอย่างเป็นรูปธรรม หากมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการทาง กฎหมายกับบุคคล หรือสถานประกอบการที่เป็นแหล่งอบายมุข ให้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจ หน้าที่ตามกฎหมายต่อไป
อย่างไรก็ตาม กรมการปกครองได้รายงานผลการปราบปราม และบำบัดรักษาผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ตามนโยบายของ รมว.มหาดไทย ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ภายใต้ “บัญชี Re X-ray” พร้อมกับเข้าดำเนินการตามกฎหมาย ข้อมูล ณ 12 พ.ค. 67 พบว่า
1) มีผู้ค้ายาเสพติด 9,103 คน ดำเนินการจับกุมได้แล้ว 4,779 คน คิดเป็นร้อยละ 52.50
2) ผู้เสพ จำนวน 56,863 คน นำเข้าสู่การบำบัดและฟื้นฟูตามกฎหมายแล้ว 36,204 คน คิดเป็นร้อยละ 63.67% และ
3) ผู้ป่วยจิตเวช อันเนื่องมาจากยาเสพติดพบ 17,897 คน นำเข้าสู่การรักษา 16,636 คน คิดเป็นร้อยละ 76.19
-----------------------------------
By: วัฒนรินทร
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น