สทนช.เตรียมจัดงาน “วันน้ำโลก” 22 มี.ค.67 ภายใต้หัวข้อ“น้ำเพื่อสันติภาพ” Leveraging water for peace
สทนช.เตรียมจัดงาน “วันน้ำโลก” 22 มี.ค.67 ภายใต้หัวข้อ“น้ำเพื่อสันติภาพ” Leveraging water for peace
ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานแถลงถึงการจัดงานเนื่องในวันน้ำโลก ประจำปี พ.ศ.2567 และการประชุมติดตามและประเมินสถานการณ์น้ำประจำสัปดาห์ โดยมีผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ สทนช. และสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟัง ณ ห้องประชุมน้ำปิง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ถนนวิภาวดี กรุงเทพฯ ว่า ในช่วงนี้ประเทศไทยมีปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้นจากอิทธิพลของหลายปัจจัย ทั้งความกดอากาศสูงจากประเทศจีนที่แผ่ลงมา หย่อมความกดอากาศต่ำจากความร้อนบริเวณตอนกลางของประเทศ และลมใต้ที่พัดความชื้นเข้ามา ส่งผลให้มีฝนตกในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไปจนถึงภาคตะวันออก โดยบริเวณ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เป็นพื้นที่ที่มีปริมาณฝนสะสมสูงสุดในรอบสัปดาห์ จำนวน 228 มิลลิเมตร ส่งผลให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ และในช่วง 1 – 2 วันนี้ จะยังคงมีสถานการณ์ฝนตก โดยจะมีฝนมากในฝั่งตะวันตกของประเทศ สำหรับภาพรวมของสถานการณ์น้ำในขณะนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี โดยอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางที่มีน้ำน้อย ได้มีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ช่วงต้นฤดูแล้ง พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจกับประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ใกล้เคียงกับอ่างฯ น้ำน้อย เกี่ยวกับการทำเกษตรกรรม โดยมีการรณรงค์งดเพาะปลูกข้าวนาปรังและส่งเสริมการเพาะปลูกพืชน้ำน้อย เพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงพอสำหรับการอุปโภค บริโภค และรักษาระบบนิเวศ อย่างไรก็ตาม ยังคงพบว่ามีการเพาะปลูกข้าวนาปรังเกินกว่าแผน ซึ่งทำให้มีการจัดสรรน้ำเกินแผนที่วางไว้ แต่ยังคงอยู่ในปริมาณที่ควบคุมและบริหารจัดการได้ โดยจะมีการเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เพื่อพิจารณาในเรื่องการปรับแผนการจัดสรรน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาด้วย ทั้งนี้ สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงมีการรณรงค์งดการเพาะปลูกข้าวนาปรังรอบที่ 2 อย่างต่อเนื่อง โดยนอกจากเพื่อลดผลกระทบต่อแผนจัดสรรน้ำแล้ว ยังมีผลดีในการเว้นระยะสำหรับบำรุงรักษาดินเพื่อใช้สำหรับการเพาะปลูกข้าวนาปีในฤดูถัดไป ซึ่งในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง จะมีการส่งเสริมการเพาะปลูกข้าวนาปีตั้งแต่ 1 พ.ค. นี้ เพื่อให้สามารถเก็บเกี่ยวได้เร็วยิ่งขึ้น ป้องกันความเสียหายจากปริมาณฝนมากจากสภาวะลานีญาในช่วงฤดูฝนนี้
“ขณะนี้ใกล้สิ้นสุดฤดูแล้งแล้ว โดยในระยะนี้สภาวะเอลนีโญกำลังปานกลางในประเทศไทยจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสภาวะลานีญาในช่วงเข้าสู่ฤดูฝนประมาณเดือน มิ.ย. ซึ่ง สทนช. ได้นำข้อมูลจากการประเมินและคาดการณ์แนวโน้มของสถานการณ์ลานีญาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปใช้ประกอบการจัดทำ (ร่าง) มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2567 และเตรียมเสนอต่อ กนช. ในวันที่ 27 มี.ค. นี้ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปดำเนินการเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ในช่วงฤดูฝนต่อไป โดยคาดว่าปริมาณฝนในช่วงฤดูฝนที่กำลังจะมาถึงนี้ จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้แก่อ่างฯ น้ำน้อยต่างๆ ให้มีสถานการณ์ดีขึ้น ในส่วนของการรองรับสถานการณ์ฤดูแล้ง ปัจจุบัน สทนช. ยังคงดำเนินงานเชิงรุก โดยมีการชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะน้ำอุปโภค บริโภค ซึ่งที่ผ่านมีการลงพื้นที่ รวม 28 จังหวัด และในช่วงนี้มีแผนในการลงพื้นที่เพิ่มเติมอีก 6 จังหวัด เพื่อติดตามสำรวจสภาพปัญหาและบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาแนวทางแก้ไขในเชิงป้องกัน เช่น การสูบผันน้ำเข้าสู่แหล่งน้ำดิบ การเป่าล้างบ่อบาดาลเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำบาดาล การเจาะบ่อบาดาลเพิ่มเติมในพื้นที่ที่มีศักยภาพ เป็นต้น รวมถึงมีการวางแผนแก้ไขปัญหาในพื้นที่ให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว โดยพิจารณาโครงการร่วมกับประชาชน เช่น การสร้างแหล่งน้ำเพิ่มเติม ฯลฯ ประกอบกับการให้ความรู้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการเตรียมความพร้อมเสนอแผนงาน/โครงการในปีถัดๆ ไปด้วย” ดร.สุรสีห์ กล่าว
จากผลของการดำเนินงานเชิงรุกเพื่อรับมือฤดูแล้งอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน กรณีภัยแล้ง เพียง 4 จังหวัด 8 อำเภอ ได้แก่ อ.พนมทวน อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ อ.เกาะสีชัง อ.หนองใหญ่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และ อ.ทับสะแก อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้ สทนช. จะยังคงติดตามประเมินสถานการณ์น้ำเพื่อป้องกันความเสี่ยงขาดแคลนน้ำในทุกพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำในช่วงฤดูฝนนี้ให้เกิดประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ได้มากที่สุด
เลขาธิการ สทนช.กล่าวต่อไปว่า เนื่องด้วยองค์การสหประชาชาติ (UN) ตระหนักถึงปัญหาการขาดแคลนน้ำที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกปี และอาจก่อให้เกิดปัญหาการแย่งชิงน้ำขึ้นได้ในอนาคต ดังนั้น ทุกวันที่ 22 มีนาคมของทุกปี จึงกำหนดให้เป็น "วันน้ำโลก" หรือ "World Water Day" เพื่อย้ำให้เห็นความสำคัญของน้ำ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวในเรื่องการอนุรักษ์น้ำและการพัฒนาแหล่งน้ำ โดยปีนี้ได้กำหนดหัวข้อ หรือ Theme การจัดงานไว้คือ “Leveraging Water for Peace” หรือ “น้ำเพื่อสันติภาพ” ทั้งนี้ สทนช. ในฐานะหน่วยงานรัฐบาลที่มีบทบาทหลักในการบริหารจัดการน้ำของประเทศ จึงได้เป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรม “วันน้ำโลก” ในนามรัฐบาลไทยพร้อมกับนานาประเทศทั่วโลกในวันศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2567 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 1 โรงแรมรามา การ์เด้นส์ กรุงเทพฯ โดยในงานดังกล่าว จะมีการฉายวิดีทัศน์การแถลงสารจากนายกรัฐมนตรี เพื่อประกาศนโยบายและเจตนารมณ์ในการสร้างสันติภาพด้านน้ำให้เกิดขึ้นในแผ่นดินไทยและขยายผลสู่ประชาคมโลก โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติเป็นประธานในงานดังกล่าว ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “เพราะน้ำคือชีวิต” มาร่วมมือกันดูแลน้ำอย่างสร้างสรรค์เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ให้กับโลก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้และประชาสัมพันธ์เชิญชวนคนรุ่นใหม่และวัยทำงานให้เข้ามามีส่วนร่วมในการรับรู้ และมีบทบาทในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำมากยิ่งขึ้น รวมทั้งกระตุ้นเตือนทุกภาคส่วนในสังคมให้ตื่นตัวถึงปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรน้ำจืด และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากภาวะโลกร้อน เข้าสู่ยุคใหม่ที่เรียกว่า “โลกเดือด” หรือ Global Boiling จนอาจทำให้เกิดภาวะแย่งชิงทรัพยากรน้ำในอนาคต
กิจกรรมสำคัญๆ ในงานดังกล่าว สทนช. จะเปิดตัวผู้แทนประชาสัมพันธ์ (Brand Ambassador) ด้านการบริหารทรัพยากรน้ำ ซึ่งเป็นผู้ที่มีความสนใจและมีประสบการณ์ในงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและเป็นที่รู้จักและชื่นชอบในสังคมไทย ซึ่งจะได้ร่วมกิจกรรมกับ สทนช. ต่อไปในอนาคต รวมทั้งมีการจัดแสดงนิทรรศการ หัวข้อ “น้ำเพื่อสันติภาพ” ประกอบด้วยหัวข้อต่างๆ ได้แก่
1. นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
2. การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศไทย
3. สันติภาพน้ำระหว่างประเทศ และ
4. ความร่วมมือคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง
นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาทางวิชาการ ในหัวข้อ “Leveraging water for peace” โดย ผู้ร่วมเสวนา เป็นบุคคลต้นแบบด้านการจัดการน้ำที่หลากหลาย ที่จะมาร่วมกันแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ มุมมองและประสบการณ์ด้านการจัดการน้ำที่เกิดจากความร่วมมือภาคส่วนต่างๆ ดังนี้
1) พระครูธรรมธรบพิตร ฐิตโสภโณ เจ้าอาวาสวัดเทพนิมิต “ศาสนา กับการพัฒนาสู่สันติสุข ชุมชนคลองแม่ข่า จ.เชียงใหม่ ”
2) นายธนงค์ เทพังเทียม นายก อบต.ทัพรั้ง จ.นครราชสีมา “รับมือน้ำท่วม ภัยแล้ง สู่การปรับตัวของชุมชนในระยะยาว”
3) นางพัทธนันท์ นาถพินิจ นักวิจัยอาวุโส สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย(วว.)
4) นางสาวปาริชาติ ปิ่นศรี ผู้แทนเยาวชนจากโครงการเครือข่ายผู้นำเยาวชนด้านน้ำในระดับภูมิภาค ล้านช้าง - แม่โขง
จึงขอเชิญชวนผู้สนใจสามารถติดตามรับชมกิจกรรมต่างๆ ทั้งหมดนี้ได้ จากการถ่ายทอดสดทาง Facebook Live ของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในวันที่ 22 มี.ค. ตั้งแต่เวลา 9.00 น. เป็นต้นไป
--------------------------
By: วัฒนรินทร
#สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ #สทนช #วันน้ำโลก #โลกเดือด #GlobalBoiling
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น