“พาณิชย์” หารือ MUJI ช่วยเพิ่มช่องทางจำหน่ายให้กับสินค้าท้องถิ่นของไทย

“พาณิชย์” หารือ MUJI ช่วยเพิ่มช่องทางจำหน่ายให้กับสินค้าท้องถิ่นของไทย

     นายกองตรี พิสิษฏ์ พิพัฒน์วิไลกุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังหารือกับนาย Akihiro KAMOGARI Managing Director บริษัท Ryohin Keikaku (MUJI) ประเทศไทย และคณะ ว่า การหารือกับ MUJI ในครั้งนี้เป็นการต่อยอดจากการเยือนประเทศญี่ปุ่นของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะ เมื่อเดือนธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา และได้มีการหารือกับนายโนบุโอะ โดมาเอะ ประธาน CEO และคณะผู้บริหารบริษัท MUJI โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว กระทรวงพาณิชย์ได้สานต่อความสัมพันธ์กับ MUJI มีแผนจัดกิจกรรม In-store Promotion ร่วมกันในช่วงเดือนพฤษภาคม 2567 ณ ร้าน MUJI สาขากินซ่า ซึ่งเป็น flagship ของ MUJI มีลูกค้าเฉลี่ยวันละ 10,000 คน การหารือในครั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ได้หารือเรื่องความเป็นไปได้ในการต่อยอดโมเดลโครงการ Local specialties (หรือโครงการส่งเสริมสินค้าของดี ของเด่น ของเหลือในพื้นที่มาต่อยอดหรือแปรรูปและจัดจำหน่ายผ่านสาขาในภูมิภาคนั้นๆ เพื่อช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับชุมชน) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่พร้อมหนุนศักยภาพ SMEs ในการขยายตลาดเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โครงการนี้ได้เริ่มที่จังหวัดเชียงใหม่ และมีแผนที่จะต่อยอดไปที่จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดขอนแก่น โดยกระทรวงพาณิชย์มีสำนักงานพาณิชย์จังหวัดอยู่ทั่วประเทศไทย ซึ่งสามารถให้ข้อมูล หรือหาพันธมิตรในท้องถิ่น เพื่อร่วมกันพัฒนาสินค้าไทยได้ด้วย และยินดีแนะนำหน่วยภาคการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย วิสาหกิจชุมชน เพื่อร่วมต่อยอดการพัฒนาและสินค้า และเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับชุมชนต่อไป ซึ่งในอนาคตหวังว่าจะได้เห็นสินค้าไทยที่ได้รับการพัฒนาแล้วไปวางจำหน่ายยังร้าน MUJI ที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก  ขณะเดียวกัน ได้เชิญชวนให้ MUJI เยี่ยมชมงาน STYLE Bangkok ระหว่างวันที่ 20-24 มีนาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายในงานที่โซน OTOP และโซน New Faces ซึ่งรวบรวมผู้ประกอบการไทยจากทั่วประเทศไทยมาร่วมจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่น โดยเฉพาะงาน Craft หรืองานหัตถกรรม หาก MUJI สนใจผู้ประกอบการ กระทรวงพาณิชย์ยินดีจะประสานจัด Business Matching ให้

           สำหรับมูจิ (MUJI) หรือชื่อเต็มๆ “มูจิรุชิ เรียวฮิน” (Mujirushi Ryohin) เป็นคำภาษาญี่ปุ่นที่มีความหมายว่า ไม่มีแบรนด์ (no brand) ก่อตั้งขึ้นในปี 1980 โดยเน้นการออกแบบผลิตภัณฑ์ตามหลักแนวคิดของ ความเรียบง่าย ราคาไม่สูง แต่มีคุณภาพดี แม้ว่าภาพลักษณ์ของแบรนด์มักจะถูกเชื่อมโยงไปสู่คำว่า Minimalist ในความเรียบง่ายที่สามารถตอบโจทย์การใช้ในชีวิตประจำวันและตัดฟังก์ชั่นที่ไม่จำเป็นทิ้งไป โดยสีหลักที่ใช้จะมีเพียงสีน้ำตาล ขาว ดำ เทา น้ำเงิน และสีเงิน และมักจะดีไซน์รูปลักษณ์ออกมาเป็น unisex ที่ใช้ได้ทุกเพศก็ตาม แต่ทางบริษัท MUJI ก็ได้แสดงจุดยืนว่าไม่ใช่สไตล์มินิมอลแต่อย่างใด นอกจากนี้ MUJI ยังมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจโดยเน้นในเรื่องของความยั่งยืนตามแนวทางของนโยบาย ESG (Environment, Social, Governance) ขององค์การสหประชาชาติ โดยให้ความสำคัญกับการนำเศษเหลือกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งจะคำนึงถึงด้านการเลือกวัสดุ การตรวจสอบกระบวนการผลิต และบรรจุภัณฑ์เป็นสำคัญอีกด้วย ปัจจุบัน MUJI มีสาขาทั่วโลกกว่า 1,000 แห่ง (มีสาขาในประเทศไทย 32 สาขา) มีสินค้ากว่า 7,000 รายการ (ในจำนวนเป็นสินค้าไทยในกลุ่มวัตถุดิบอาหาร ของใช้บนโต๊ะอาหาร และเสื้อผ้ารีไซเคิล) และมียอดขายทั่วโลก 121,000 ล้านบาท/ปี (กำไร 9,000 ล้านบาท) โดยปัจจุบันมีมูลค่าบริษัทราว 100,000 ล้านบาท

                              ----------------------------------

 By: วัฒนรินทร

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

กรมวิชาการเกษตรเดินหน้าอบรมผู้ควบคุมการใช้โดรนพ่นสาร ตั้งเป้า 5,000 ราย ทั่วประเทศภายในปี 70

ธ.ก.ส. เปิดตัวสลากออมทรัพย์ ธ.ก.ส. ชุดมังกรหยก หน่วยละ 100 บาท ลุ้นโชคใหญ่ 10 ล้าน พร้อมลุ้นรางวัลพิเศษรวมกว่า 16 ล้านบาท

ม.เกริกมอบโล่เกียรติคุณเชิดชูเกียรติ “นักการเมืองดีเด่นยอดเยี่ยม ประจำปี 2567”