ทส.-รัฐบาล ร่วมผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด
ทส.-รัฐบาล ร่วมผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด
ร้อยเอก รชฏ พิสิษฐบรรณกร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พล ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาแถลงความคืบหน้า พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. …. ก่อนที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เสนอ ครม. ซึ่ง พรบ.นี้เมื่อประกาศใช้แล้วจะเป็นเครื่องมือให้หน่วยงานภาครัฐแก้ไขปัญหาด้านมลพิษทางอากาศได้ดีขึ้น หน่วยงานต้องบูรณาการกันทั้งหมดและระดับพื้นที่มีเอกภาพในการบริหารจัดการ สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เชื่อมั่นว่ากฎหมายจะออกมาใช้ในเร็วๆ นี้ รัฐบาลและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกันผลักดันอย่างเต็มที่เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน
ด้าน ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ผู้อำนวยการสถาบันธรรมรัฐเพื่อการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ทส. ร่วมกับ สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (สำนักงาน ป.ย.ป.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … กฎหมายฉบับนี้จะเป็นกฎหมายเฉพาะที่ลดสาเหตุการเกิดฝุ่นจากแหล่งกำเนิดตั้งแต่ต้นทาง การสร้างกลไกการบูรณาการทุกหน่วยงานในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ การให้อำนาจแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดในการประกาศเขตเฝ้าระวังมลพิษทางอากาศ และการประกาศเขตประสบมลพิษทางอากาศ และกฎหมายได้กำหนดให้มีเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์เพื่ออากาศสะอาด ได้แก่ ด้านภาษีอากรสำหรับอากาศสะอาด ค่าธรรมเนียมการจัดการมลพิษทางอากาศ มาตรการอุดหนุน สนับสนุน หรือส่งเสริมบุคคลหรือกิจกรรมสำหรับอากาศสะอาด เป็นต้น และที่สำคัญกฎหมายฉบับนี้ได้กำหนดมาตรการควบคุมมลพิษข้ามแดน ซึ่งเจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศนอกราชอาณาจักรไทยที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมหรือสุขภาพอนามัยของประชาชนในราชอาณาจักรไทย ให้ถือว่าเป็นผู้กระทำความผิดและต้องรับโทษตามพระราชบัญญัตินี้ในราชอาณาจักร อีกทั้งยังเป็นกฎหมายที่ให้อำนาจแก่กระทรวงพาณิชย์ในการกำหนดให้สินค้า ผลผลิตทางการเกษตร สินค้าแปรรูปหรือสินค้าอื่นใดที่ผลิตจากแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศภายนอกประเทศ ที่มีการผลิต การเก็บเกี่ยว หรือการจัดการวัสดุของเสียทางการเกษตร ที่มีการเผาไหม้อันก่อให้เกิดมลพิษข้ามแดน ให้เป็นสินค้าห้ามนำเข้าส่งออกตามกฎหมายว่าด้วยการนำเข้า ส่งออกไปและการนำเข้ามาซึ่งสินค้าด้วย ซึ่งปัจจุบันร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหากการพิจารณาแล้วเสร็จจะได้เสนอร่างกฎหมายดังกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ จะบังคับใช้หลังประกาศราชกิจจานุเษกษา 60 วัน ระหว่างการรอลงราชกิจจานุเษกษา ได้จัดเตรียมกฎหมายรองเพื่อรอประกาศใช้อีกกว่า 30 ฉบับ
-------------------------------
By: วัฒนรินทร
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น