สศก. ร่วมกับ ADB และ AIT ปักหมุดพื้นที่ ต.บัวใหญ่ จุดสาธิตเกษตรพื้นที่สูง จ.น่าน ขับเคลื่อนโครงการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

สศก. ร่วมกับ ADB และ AIT ปักหมุดพื้นที่ ต.บัวใหญ่ จุดสาธิตเกษตรพื้นที่สูง จ.น่าน  ขับเคลื่อนโครงการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

                                

     นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ติดตามโครงการการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคเกษตรเพื่อเพิ่มการฟื้นตัวและความยั่งยืนในพื้นที่สูง ณ จังหวัดน่าน หรือ TA–9993 THA : Climate Change Adaptation in Agriculture for Enhanced Recovery and Sustainability of Highlands ซึ่งโครงการฯ ดังกล่าว สศก.ได้ร่วมกับธนาคารเพื่อพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกระทรวงการคลังประเทศญี่ปุ่นผ่านกองทุน เพื่อการลดความยากจนของรัฐบาลญี่ปุ่น จำนวน ล้านเหรียญสหรัฐ ให้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และมีสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (Asian Institute of Technology: AIT) เป็นที่ปรึกษาโครงการ      

                           

โดยได้ร่วมกันคัดเลือกพื้นที่เป้าหมายเป็นจุดสาธิตการทำเกษตรบนพื้นที่สูงในพื้นที่ หมู่บ้าน ณ ต.บัวใหญ่ อ.นาน้อย จ.น่าน เป็นพื้นที่ดำเนินโครงการฯเนื่องจากเป็นพื้นที่มีความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอีกทั้งเป็นพื้นที่สูงที่ประสบปัญหาการชะล้างพังทลายของดินและการขาดแคลนน้ำ ซึ่ง สศก.รับผิดชอบเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการโครงการฯ ร่วมกับ ADB และสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดน่าน เป็นผู้รับผิดชอบหลักในระดับพื้นที่ ซึ่งได้เริ่มต้นดำเนินโครงการฯ มาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563  สำหรับจุดแปลงสาธิตของนายนิพัธพล พรมภิระ ณ บ้านทับม่าน หมู่ 4 และนายบุญส่ง-นายถาวร ชัยแก้วมา ณ บ้านหนองห้า หมู่ 8 ปัจจุบัน ได้มีการจัดทำระบบชลประทานพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Irrigation) ใช้โซล่าร์เซลผลิตไฟฟ้าเพื่อดึงน้ำจากที่ต่ำมาใช้ประโยชน์ และส่งเสริมการใช้ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนในการนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรกลับมาใช้ใหม่ ทำปุ๋ยหมักชีวภาพ และถ่านชีวภาพ (Biochar) เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน โดยเกษตรกรได้ก่อสร้างเตาเผาถ่านด้วยตนเอง มีการปลูกอะโวคาโด และโกโก้ เป็นพืชทางเลือก โดยทาง AIT ได้สนับสนุนต้นกล้าให้กับทางเกษตรกร รวมถึงยังดำเนินการระบบคีย์ไลน์ คือ ขุดร่องแบบขั้นบันไดเพื่อกักเก็บน้ำที่ไหลจากที่สูง และชะลอการพังทลายของหน้าดิน ตลอดจนการส่งเสริมการทำการเกษตรอินทรีย์โดยใช้ระบบการรับรองมาตรฐานแบบมีส่วนร่วม (Participatory Guarantee Systems: PGS)

                          

          ทั้งนี้ โครงการฯจะมุ่งสนับสนุนเกษตรกรในพื้นที่สูงได้เรียนรู้วิธีการและแนวทางการปรับเปลี่ยนกิจกรรมทางการเกษตรที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ การรับมือและปรับตัวกับภัยธรรมชาติ รวมถึงการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาปรับใช้ตามบริบทที่เหมาะสมกับพื้นที่ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวของชุมชนบนพื้นที่สูง รวมถึงการจัดการระบบนิเวศอย่างยั่งยืน โดยผลผลิตของโครงการฯ ได้กำหนดไว้ 4 ผลผลิตหลัก ประกอบด้วย 
ผลผลิตที่ 1 เอกสารองค์ความรู้หรือคู่มือในการประเมินความเปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศบนพื้นที่สูง  
ผลผลิตที่ 2 จุดสาธิต และเอกสารองค์ความรู้เรื่องกระบวนการนำแนวทางเกษตรเท่าทันภูมิอากาศ (Climate Smart Agriculture: CSA) ที่เหมาะสมไปสู่การปฏิบัติ 
ผลผลิตที่ 3 สร้างต้นแบบผลิตภัณฑ์ที่มีการสร้างมูลค่าเพิ่มร่วมกับภาคเอกชนและ
ผลผลิตที่ 4 สามารถเพิ่มขีดความสามารถของส่วนราชการท้องถิ่นและชุมชนเกษตรในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้
                      ---------------------------
By : วัฒนรินทร

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

14 ปี กรมหม่อนไหม สืบสานภูมิปัญญา พัฒนาสู่ความยั่งยืน

สวก. เตรียมโชว์งานวิจัยเด่น 6 เมกะเทรนด์เปลี่ยนโลก 20 - 21 พ.ย.นี้ ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ม.เกริกมอบโล่เกียรติคุณเชิดชูเกียรติ “นักการเมืองดีเด่นยอดเยี่ยม ประจำปี 2567”