Newswelltime

กรมชลประทานพร้อมรับมือฝนใต้/ พร้อมลุยบริหารจัดการน้ำฤดูแล้งประเทศไทยตอนบน ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา เป็นประธาน การประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1-17 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (swoc) อาคาร 99 ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำภู กรมชลประทาน ถนนสามเสน ก.ท.ม. เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่างๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่           ปัจจุบัน ณ วันที่ 11 พ.ย.2567 อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 63,606 ล้าน ลบ.ม. ( 83% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) มีปริมาณน้ำใช้การ 39,663 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 21,933 ล้าน ลบ.ม. (88% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) มีปริมาณน้ำใช้การ 15,237 ล้าน ลบ.ม.  ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาได้คาดการณ์ว

สธ.หารือ 4 มาตรการรับมือ PM2.5 ดูแลสุขภาพ ปชช.ให้เข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง       นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธาน การประชุมปรึกษาหารือการเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณี หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก ปี 2568 ณ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่า ประเทศไทยเข้าสู่ลานีญาในช่วงเดือนกันยายน – พฤศจิกายน 2567 และจะต่อเนื่องไปจนถึงเดือนมกราคม 2568 ซึ่ง คาดการณ์ว่าสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในช่วงปลายปี 2567 ถึง กลางปี 2568 จะไม่รุนแรงเท่ากับช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากแนวโน้มฝนที่มากขึ้น พื้นที่มีความชุ่มชื้น สิ่งที่เป็นเชื้อเพลิงติดไฟยาก แต่ยังคงให้เฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง สำหรับการ คาดการณ์ 7 วันล่วงหน้า ภาพรวมประเทศคุณภาพอากาศมีแนวโน้มในระดับดีมาก-ปานกลาง ยกเว้นช่วงวันที่ 12-18 พฤศจิกายน 2567 จะมีแนวโน้ม PM2.5 เพิ่มขึ้นอยู่ระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากสภาพอากาศปิดและการเผาพื้นที่เกษตร โดยที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณา (ร่าง) มาตรการด้านการแพทย์และสาธารณสุข มุ่งดูแลสุขภาพประชา

ม.เกริกติดอันดับ Top 5 ระดับ 5 ดาว มหาวิทยาลัยชั้นนำเอเชีย จาก 150 แห่ง ในเอเชีย 3 ปีซ้อน  จากการประชุมสุดยอดระดับอุดมศึกษาเอเชียแปซิฟิกที่เขตบริหารพิเศษมาเก๊า สาธารณรัฐประชาชนจีน โดย Quacquarelli Symonds (QS) เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 เป็นการประชุมด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ใหญ่ที่สุด ที่ QS จัดขึ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และในครั้งนี้ QS ได้ ประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยในเอเชียล่าสุดประจำปี 2025 ซึ่ง มหาวิทยาลัยเกริกได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำ 150 แห่งในเอเชียจากมหาวิทยาลัย 8,000 แห่งเป็นเวลาสามปีติดต่อกัน โดยมหาวิทยาลัยเกริกอยู่ในอันดับที่ 141 และเป็นอันดับที่ 5 ของประเทศไทย และการมีส่วนร่วมในปีนี้สูงเป็นประวัติการณ์ โดยมีสถาบันเข้าร่วมทั้งหมด 984 สถาบันจาก 25 ประเทศและภูมิภาค เพิ่มขึ้น 127 แห่งเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งใน การจัดอันดับมหาวิทยาลัยประจำปี 2025 ประเทศไทยมีมหาวิทยาลัย 5 แห่งที่ติดอันดับ 150 อันดับแรกใน QS Asia University Rankings เรียงตามลำดับได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ มหาวิ

กทม.ร่วมกับสมาคมโรคเบาหวานฯ ร่วมสร้างสังคมสุขภาพดี จัดมหกรรมสุขภาพ “สุขใจ โลกสดใส ใส่ใจเบาหวาน” เนื่องในวันเบาหวานโลก 67       รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม การเสวนา มหกรรมสุขภาพ เนื่องในวันเบาหวานโลก 2567 และร่วมเสวนาในหัวข้อสุขภาพดี 360 องศา ครอบคลุมทุกมิติ กาย ใจ และสังคม โดยมี ศ.เกียรติคุณ พญ.วรรณี นิธิยานันท์ นายกสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ และภาคีเครือข่าย ร่วมกิจกรรม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า เขตพระนคร ว่า กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ และภาคีเครือข่าย ได้ร่วมกันจัดงานดังกล่าว เนื่องในวันเบาหวานโลก 2567 ขึ้น เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหาโรคเบาหวาน การตั้งมาตรฐานการรักษา ตลอดจนการส่งเสริมการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีผ่านกิจกรรมต่างๆ โดยหนึ่งในกิจกรรมของงานในครั้งนี้คือการวิ่ง Bangkok Ride & Run 2024 สุขกาย สุขใจ โลกสดใส ใส่ใจเบาหวาน นอกจากการวิ่งเพื่อสุขภาพแล้ว เส้นทางที่จัดนั้นจะได้เห็นถึงมาตรฐานของทางเดินทางเท้าที่มีการเชื่อมต่อกัน ซึ่งกทม. อยากส่งเสริมให้คนเดินหร

บขส. ชวนนั่งรถทัวร์เที่ยวงาน “ลอยกระทง ลงแอ่วเหนือ” ลดค่าโดยสาร 10%        นายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการฯ รักษาการแทน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า เพื่อร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ ในเดือน พ.ย.2567 สนับสนุนนโยบายรัฐบาลโครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ ช่วงฤดูหนาวและเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 และส่งเสริมประชาชนมาใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ ตามนโยบายนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม โดย บขส. ได้จัดกิจกรรม “ลอยกระทง ลงแอ่วเหนือ ลด 10%” โดยมอบส่วนลดค่าโดยสาร 10% (ไม่รวมค่าธรรมเนียม) ให้ผู้โดยสารที่จองตั๋ว บขส. เดินทางไป – กลับ ระหว่างวันที่ 8 – 18 พ.ย.2567 ในเส้นทางการเดินรถโดยสาร 3 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ ตาก และ สุโขทัย สามารถจองตั๋วผ่านช่องทางจำหน่ายตั๋วโดยสาร บขส. ทั่วประเทศ และ ช่องทางออนไลน์ ได้ที่ เว็บไซต์ บขส. https://tcl99web.transport.co.th หรือ Application E – ticket ซึ่งการใช้สิทธิ์ส่วนลดเป็นไปตามเงื่อนไขและตามระเบียบที่บริษัทฯ กำหนด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่งานการตลา

อพท. ประกาศความสำเร็จการพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืนตามแผนยุทธศาสตร์ ปี 67       นาวาอากาศเอก อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) กล่าวว่า อพท. มุ่งมั่นดำเนินงานตามปรัชญาการทำงานแบบมีส่วนร่วม Co-creation & Co-own ด้วยเป้าหมายก่อให้เกิดการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในพื้นที่พิเศษ มาตลอด 21 ปี ซึ่งในปีงบประมาณ 2567 ที่ผ่านมา อพท. ได้ขับเคลื่อนโครงการภายใต้แผนยุทธศาสตร์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) ของพื้นที่พิเศษ 6 แห่ง ร่วมกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ 12 หน่วยงาน ได้กว่า 54 โครงการ (คิดเป็นร้อยละ 21.18 จากของโครงการทั้งหมด 255 โครงการ) ซึ่งใช้งบประมาณดำเนินโครงการกว่า 160 ล้านบาท  ในปี 2567 อพท. สามารถผลักดัน 4 แหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่พิเศษให้ได้รับการจัดลำดับให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน 100 แห่งของโลก หรือ Green Destinations Top100 Stories 2024 ได้แก่ เวียงภูเพียงแช่แห้ง จังหวัดน่าน เป็นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืนประเภท Culture & Tradition จากเรื่องราวประเด็นกลไกการยกระ

เตรียมชงมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปี 67/68 เสนอ ครม.ตั้งเป้าให้เกษตรกรมีเงินหมุนเวียนในครัวเรือน     ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเข้าร่วม การประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ครั้งที่ 1/2567 โดยมี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน เข้าร่วม ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 20 อาคาร 150 ปี กระทรวงการคลัง ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2567/68 จำนวน 3 โครงการ ได้แก่  1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี วงเงินงบประมาณ 43,843.76 ล้านบาท  2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร วงเงินงบประมาณ 15,656.25 ล้านบาท และ  3) โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก วงเงินงบประมาณ 585 ล้านบาท รวมวงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 60,085.01 ล้านบาท โดยมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมการข้าว จัดทำรายละเอียดโครงการที่ 1 และ 2 และกรมการค้าภายในจัดทำรายละเอียดโครง